ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าไม่ได้เป็นคนขยันเขียนบล็อคขนาดนั้น จะอัพเฉพาะท่ีคิดว่ามีประโยชน์ คนเสริชเจอ แล้วได้อ่านได้ใช้ หรืออะไรที่ประทับใจเรามากๆก็เท่านั้น ถึงจะเป็นบล็อคเล็กๆ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่ามีคนตามอ่านด้วย (ขอบคุณมากนะคะ) หลายคนถึงกับแอดไลน์มาคุยด้วยเป็นเรื่องเป็นราว ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ บางทีว่าง หรือไม่ว่าง ไม่สะดวกตอบก็อาจจะไม่ได้ตอบ แต่จะพยายามตอบให้ได้เยอะที่สุดค่ะ (เพราะไลน์ลูกค้าก็เยอะ ตอบไม่ทัน แห่ะๆ)
สำหรับโพสต์นี้ขอเป็นรีวิวรวมๆ ตั้งแต่มาอยู่เกาหลีเดือนกว่าๆ มีหลายเรื่องที่ประทับใจ ตกใจก็มีไม่น้อย ถึงแม้จะดูซีรีย์ หรือเคยติ่งมาแล้วก็ตาม
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า มาเที่ยวเฉยๆ กับมาอยู่จริงๆมันต่างกันมากๆ ใครมาเที่ยวบ่อยๆ เจอประสบการณ์ดีไม่ดีต่างกันไปก็แล้วแต่จะประทับใจ แต่การมาอยู่คือ เราเจออะไรดีไม่ดี คือเราต้องทำใจและยอมรับ
อืม
ประเทศเขานะ สังคมเขานะ
เป็นแบบนี้นะ
ซึ่งไปอยู่มาก็สองสามประเทศ ไม่ได้เหมือนกันสักที่ แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือเราต้องปรับตัวค่ะ
Culture Shock...
มีแบบไม่ต้องสงสัย ถึงจะเป็นประเทศที่เป็นเอเชียเหมือนกัน แต่เราไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน
ขนาดคนจังหวัดอื่นมาทำงานมาเรียนในกทม.ยังคิดถึงบ้านเกิดเลย
นับประสาอะไรกับต่างประเทศกันเนอะ
ยิ่งถ้ายังพูดภาษาเขาไม่ได้ยิ่งลำบากกันใหญ่ โอเคยอมรับว่าบางทีมันก็สนุกแหล่ะค่ะ แต่ลำบากน่ะมี
ไม่น้อยเลยด้วย ก็ต้องปรับตัวกันไป อย่างที่บอก ไม่มีอะไรดีไปซะทุกอย่าง
แต่..มันก็ไม่ได้น่ากลัวไปซะทุกอย่าง อาจจะลำบากบ้างเล็กน้อย แต่เป็นประสบการณืที่ดีเลยแหล่ะค่ะ
เรื่องชีวิตไปบ้างแล้ว เรื่องเรียนบ้างดีกว่า อิอิ
เรื่องเรียนนั้น เรามาเรียนที่ซอกังค่ะ สอบมิดเทอมไปแล้ว อีกสองถึงสามอาทิตย์สอบไฟนอล
เวลาผ่านไปเร็วมาก ยังจำวันแรกที่มาแล้วเจอculture shockอยู่เลย
จนถึงทุกวันนี้ก็แทบไม่ได้คุยกับคนที่ที่โรงเรียนเลย
เรามาเองเราก็มีเพื่อนของเรา เรามานี่เราก็มีเพื่อนใหม่
บางทีเดินผ่านยังไม่รู้เลยค่ะว่าเป็นคนไทย
แต่ด้วยความที่ยุ่งมากขนาดกับเพื่อนตัวเองยังไม่มีเวลาออกไปเที่ยวด้วยกันเลย กับเพื่อนคนไทยคนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยิ่งไม่รู้จักอยู่แล้วด้วย
เรื่องเรียนอื่นๆในคลาสก็ไม่มีอะไรยากค่ะ เรียนสี่ชั่วโมง แต่พักซะชั่วโมง
เรียนเน้นพูด คลาสสนุกสนาน
เคยเข้าห้องเรียนคลาสๆแบบนี้ที่ประเทศจีนมาสองมหาวิทยาลัย คลาสก็ไม่ได้สนุกเท่านี้
หวังว่าจบที่นี่ไปแล้ว ไปสอนเด็กๆคงทำให้คลาสสนุกได้แบบนี้นะคะ :D
อ่อ แล้วก็ ก่อนมาเรามีพื้นฐานมาแล้วเกือบครึ่งปี หลายแกรมม่าหลายคำศัพท์ที่เราเรียนมาแล้ว
รู้เรื่องแล้ว แต่ตอนสอบวัดระดับ คือวันที่เราเพิ่งลงเครื่องมา ทั้งมึนทั้งเอ๋อเลยแหล่ะ
เลยไมได้เขียนอะไรไปมากมาย สรุปคือโดนจับเข้าเลเวลหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็แอบเฟลค่ะ
แต่พอเรียนๆไป แล้วมันเหมือนทบทวนที่เรารู้อยู่แล้ว หลายคนในห้องคือพูดได้เก่งกว่าเราอีก
เขาก็ยังอยู่เลเวลนี้ แลกๆแอบยาก (สำหรับห้องเรา) เพราะเขาพูดกับรู้เรื่องจริงจัง
นี่ในใจคิดว่าเลเวลหนึ่งจริงหรอ
แต่พอไปคุยกับเพื่อนเลเวลหนึ่งห้องอื่นนี่รู้เลยค่ะ ว่าเลเวลหนึ่งเขาก็มีอีกหลายระดับ
เรียนเล่มเดียวกัน แต่ความยากง่ายต่างกัน ครูสอนต่างกัน
ที่ผ่านมาเราเรียนภาษาจีนแบบเร่งรีบมาโดยตลอด ซึ่งมันทำให้พื้นฐานไม่แน่น
การเรียนแบบนี้มันดีนะคะ ทำให้เราเขียนเราพูดอะไรได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
แถมที่โรงเรียนก็ยังมีคลาสพิเศษให้อีกด้วย แล้วแต่เราจะเข้าร่วมเลยค่ะ
รูปมีน้อย เพราะไม่ค่อยได้ถ่าย แล้วก็มีปัญหาในการเอารูปลงแม้คบุ๊คด้วย
หากใครอยากติดตามรูปแบบReal time ก็ไปตามในไอจีได้นะคะ
@bbing.memoirs
เดี๋ยวขอตัวไปเขียนรีวิวเที่ยวเจจูต่อ ขับรถเที่ยวเอง สามคืนสี่วัน
แล้วจะมาอัพเดตกันอีกทีค่ะ ^^
bbing
Sun, 24 July 2016